Skip to content Skip to footer

รายได้เท่าไหร่ควรจดบริษัท? อัปเดตล่าสุด 2025

เจาะลึกการเปรียบเทียบภาษีบุคคลธรรมดา VS ภาษีนิติบุคคล รวมถึงข้อควรพิจารณา

การเริ่มต้นธุรกิจหรือการดำเนินกิจการให้เติบโต มักมาพร้อมกับคำถามสำคัญที่ว่า "ควรจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือยัง?" หลายคนอาจได้ยินมาว่าการจดบริษัทช่วยประหยัดภาษี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เสมอไป เพราะทั้งการเสียภาษีบุคคลและภาษีนิติบุคคลต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเรื่องภาษีแบบละเอียด ตั้งแต่การคำนวณภาษีขั้นบันไดสำหรับบุคคลธรรมดา ไปจนถึงอัตราภาษีนิติบุคคล พร้อมวิเคราะห์จุดคุ้มทุนที่เหมาะสมสำหรับการจดบริษัท รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าธุรกิจของคุณควรอยู่ในรูปแบบใด

เปรียบเทียบระบบภาษีทั้งสองแบบ

ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าควรเลือกเสียภาษีในรูปแบบใด เราต้องทำความเข้าใจระบบการจัดเก็บภาษีของทั้งสองรูปแบบให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะไม่เพียงแต่อัตราภาษีนิติบุคคลจะแตกต่างจากภาษีบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการคำนวณฐานภาษี การหักค่าใช้จ่าย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

 

บางคนอาจคิดว่าการจดบริษัทจะช่วยประหยัดภาษีได้เสมอ แต่ความจริงแล้วต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน มาดูกันว่าแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร และอะไรที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณที่สุด

1. ภาษีขั้นบันไดสำหรับบุคคลธรรมดา

บุคคลธรรมดาจะเสียภาษีขั้นบันได โดยมีอัตราตั้งแต่

  • 0% : 0-150,000 บาท
  • 5% : 150,001-300,000 บาท
  • 10% : 300,001-500,000 บาท
  • 15% : 500,001-750,000 บาท
  • 20% : 750,001-1,000,000 บาท
  • 25% : 1,000,001-2,000,000 บาท
  • 30% : 2,000,001-5,000,000 บาท
  • 35% : มากกว่า 5,000,000 บาท

2. อัตราภาษีนิติบุคคล

นิติบุคคลจะเสียภาษีในอัตราคงที่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับ SMEs ดังนี้

  • กำไรสุทธิ 0-300,000 บาท: ยกเว้นภาษี
  • กำไรสุทธิ 300,001-3,000,000 บาท: 15%
  • กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 3,000,000 บาท: 20%

 

เงื่อนไข SME คือทุนชำระไม่เกิน 5 ล้านบาท และรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท

เมื่อไหร่ควรพิจารณาจดทะเบียน VAT บุคคลธรรมดา?

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจ เพราะนอกจากจะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ยังอาจเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณด้วย การจดทะเบียน VAT บุคคลธรรมดาควรพิจารณาในกรณีต่อไปนี้

  1. มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (ต้องจดทะเบียน)
  2. ต้องการความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ
  3. ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนิติบุคคลที่ต้องการใบกำกับภาษี

 

การจดทะเบียน VAT หากวางแผนและบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ก็จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับธุรกิจของคุณไปสู่ความเป็นมืออาชีพ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีแผนจะขยายกิจการในอนาคต การเตรียมพร้อมด้านระบบภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน

รายได้เท่าไหร่ควรพิจารณาจดบริษัท?

การตัดสินใจจดทะเบียนบริษัทเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะนอกจากจะเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีแล้ว ยังมีผลต่อโครงสร้างการบริหาร ความน่าเชื่อถือ และโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ มาดูกันว่าเมื่อไหร่ที่ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับการก้าวไปสู่การเป็นนิติบุคคล

 

อย่างไรก็ตาม “ไม่มีตัวเลขตายตัว” ว่ารายได้เท่าไหร่ถึงควรจดบริษัท เพราะขึ้นอยู่กับ กำไรสุทธิ ภาระภาษี ค่าใช้จ่าย และเป้าหมายธุรกิจ แต่โดยทั่วไป มีแนวทางพิจารณา 2 ข้อหลักๆ ที่มักนำมาใช้กันคือ

1. รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี → ต้องจด VAT

หากธุรกิจมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี (ไม่ใช่กำไร แต่เป็นรายรับทั้งหมด) ต้อง จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่แล้ว ถ้าเลยจุดนี้ไป การตั้งบริษัทอาจช่วยวางแผนภาษีได้ดีขึ้น

2. กำไรสุทธิสูง ภาระภาษีเริ่มหนัก

สำหรับบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีแบบก้าวหน้า สูงสุด 35% แต่สำหรับนิติบุคคลจะเสียภาษีแบบขั้นบันได สูงสุด 20% ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้ากำไรสุทธิของธุรกิจคุณเริ่มเข้า หลักล้านบาทขึ้นไป อาจคุ้มกว่าหากเปลี่ยนเป็นนิติบุคคล

 

นอกจากนี้ยังมีข้อพิจารณาที่นอกเหนือจากรายได้อีก เช่น ธุรกิจของคุณมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่สามารถนำมาหักภาษีได้, ต้องการความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ, มีแผนขยายกิจการในอนาคต หรือแม้กระทั่งการมีหุ้นส่วนหลายคนที่ต้องกำหนดสัดส่วนความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน และมีโครงสร้างทางกฎหมายรองรับเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในอนาคต

 

การตัดสินใจจดบริษัทจึงไม่ใช่เรื่องของตัวเลขหรือผลประโยชน์ทางภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาถึงความพร้อมในทุกด้าน ทั้งระบบการจัดการ บุคลากร และเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้เป็นก้าวที่มั่นคงสู่การเติบโตในระยะยาว

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

ก่อนตัดสินใจจดทะเบียนบริษัท นอกจากตัวเลขรายได้และเรื่องภาษีแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ควรพิจารณาให้รอบด้าน เพราะการเป็นนิติบุคคลไม่ได้มีแค่ข้อดี แต่ยังมาพร้อมกับความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น มาดูกันว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้างที่ควรคำนึงถึง

  1. การปฏิบัติตามข้อกฎหมาย: เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้ว บริษัทจำเป็นต้องมีการทำบัญชีที่เป็นระบบ เก็บเอกสารอย่างครบถ้วน มีการจัดการด้านภาษีที่ซับซ้อนขึ้น เพื่อให้ตรงตามข้อกฎหมายต่างๆ ให้ถูกต้อง
  2. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น: ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างทำบัญชี ค่าธรรมเนียมต่างๆ หรือค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎหมาย
  3. สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ: เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้วก็จะมีสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น การหักค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ความน่าเชื่อถือทางธุรกิจมากขึ้น และมีโอกาสในการขยายกิจการ

สรุป

การตัดสินใจระหว่างการเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาถึงเป้าหมายทางธุรกิจระยะยาว ความพร้อมในการบริหารจัดการ โครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่าย รวมถึงแผนการเติบโตในอนาคตด้วย

 

หากธุรกิจของคุณมีแนวโน้มเติบโตและมีกำไรสุทธิเกิน 2 ล้านบาทต่อปี การจดบริษัทและเสียภาษีนิติบุคคลอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว แต่หากยังเป็นธุรกิจขนาดเล็กและต้องการความคล่องตัว การเป็นบุคคลธรรมดาก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง

  • ภาษีบุคคล
  • ภาษีนิติบุคคล
  • ภาษีขั้นบรรได
  • จดทะเบียน vat บุคคลธรรมดา
  • อัตราภาษีนิติบุคคล