Skip to content Skip to footer

หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นคืออะไร? และเมื่อไหร่ที่ต้องทำ?

ทำความเข้าใจหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น เอกสารสำคัญสำหรับบริษัทจดทะเบียน พร้อมระยะเวลาที่ต้องจัดส่ง วิธีการจัดทำ และตัวอย่างวาระการประชุมแบบครบถ้วน

หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น เป็นเอกสารสำคัญที่บริษัทจำกัดจำเป็นต้องจัดทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้น ไม่เพียงแค่แจ้งกำหนดการประชุมเท่านั้น แต่ยังต้องให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆ เช่น การอนุมัติงบการเงิน การจ่ายเงินปันผล หรือการแต่งตั้งกรรมการใหม่ บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นให้สมบูรณ์และถูกต้อง

ประเภทการประชุมผู้ถือหุ้น

การประชุมผู้ถือหุ้นมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพราะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของบริษัท 


โดยตามกฎหมายได้กำหนดประเภทของการ
ประชุมผู้ถือหุ้นไว้ 2 ประเภทที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์และความจำเป็น ได้แก่

 

  1. การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (Annual General Meeting: AGM) คือการประชุมที่ต้องจัดทุกปีภายใน 4 เดือนนับแต่วันสิ้นรอบบัญชี ตามที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1171 เพื่อพิจารณาเรื่องที่กำหนดตามกฎหมาย เช่น อนุมัติงบการเงิน พิจารณาผลการดำเนินงาน และแต่งตั้งผู้สอบบัญชี
  2. การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Extraordinary General Meeting: EGM) คือการประชุมที่จัดขึ้นเมื่อมีความจำเป็นต้องขออนุมัติเรื่องสำคัญเร่งด่วนนอกเหนือจากการประชุมสามัญ เช่น การเพิ่มทุน การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัท หรือการทำรายการสำคัญอื่นๆ ที่ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น

ควรจัดส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น ตอนไหนดี?

สำหรับบริษัทจำกัด การจัดส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังนี้

  • ระยะเวลาทั่วไป: ต้องส่งหนังสือเชิญประชุมให้ผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 7 วันก่อนวันประชุม ตามมาตรา 1175 วรรคแรก
  • กรณีต้องใช้มติพิเศษ: สำหรับวาระที่ต้องใช้มติพิเศษ (Special Resolution) เช่น การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับ การเพิ่มทุนหรือลดทุน การควบบริษัท ต้องส่งหนังสือเชิญประชุมล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน พร้อมระบุวัตถุประสงค์ของการประชุมให้ชัดเจน

ตัวอย่างวาระที่ต้องใช้มติพิเศษ (คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3/4 ของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม)

  • การแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิหรือข้อบังคับของบริษัท
  • การเพิ่มทุนหรือลดทุน
  • การควบบริษัท
  • การเลิกบริษัท
  • การขายหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนที่สำคัญ

การเขียนวาระการประชุม ต้องมีอะไรบ้าง

1. วาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1175 กำหนดให้วาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีต้องมีอย่างน้อย 3 เรื่องหลัก ดังนี้ 

  • พิจารณารายงานประจำปีของบริษัท – คณะกรรมการต้องนำเสนอรายงานเกี่ยวกับผลประกอบการและกิจการของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมาให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา
  • พิจารณาอนุมัติงบการเงินของบริษัท – ตามมาตรา 1196 บริษัทต้องจัดทำงบการเงิน ได้แก่ งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุน เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ
  • พิจารณาแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงผู้สอบบัญชี และกำหนดค่าตอบแทน – บริษัทต้องมีการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบงบการเงินของบริษัททุกปี


2. วาระอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม (แต่ไม่ได้กำหนดโดยกฎหมาย)

  • การจ่ายเงินปันผล (ถ้ามี)
  • การแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการ
  • การพิจารณาค่าตอบแทนกรรมการ
  • เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)

ตัวอย่างวาระการประชุม

เอกสารประกอบการประชุม มีอะไรบ้าง

สำหรับบริษัทจำกัด เอกสารประกอบการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย:

 

  1. หนังสือมอบฉันทะ – สำหรับบริษัทจำกัดมักใช้ 2 แบบ:
    • แบบ ก. เป็นแบบหนังสือมอบฉันทะทั่วไปซึ่งเป็นแบบที่ง่ายไม่ซับซ้อน
    • แบบ ข. เป็นแบบที่กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการมอบฉันทะในแต่ละวาระที่ชัดเจนและตายตัว
  2. เอกสารประกอบการประชุมอื่นๆ:
    • สำเนางบการเงินประจำปี
    • รายละเอียดเกี่ยวกับวาระการประชุม
    • ประวัติโดยสังเขปของกรรมการที่เสนอแต่งตั้ง (กรณีมีวาระแต่งตั้งกรรมการ)
    • ข้อมูลประวัติและประสบการณ์ของผู้สอบบัญชีที่เสนอแต่งตั้ง
    • ข้อบังคับของบริษัทเฉพาะที่เกี่ยวกับการประชุมผู้ถือหุ้น

การเก็บรักษาเอกสารการประชุม

เอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นหลักฐานสำคัญที่ต้องเก็บรักษาอย่างดี เพราะมีผลผูกพันทางกฎหมายและใช้อ้างอิงในอนาคต

ระยะเวลาการเก็บรักษา

การเก็บรักษาเอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นไม่ใช่แค่การเก็บเพื่อให้ครบตามกฎหมาย แต่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสให้กับบริษัท โดยแต่ละเอกสารมีกำหนดระยะเวลาการจัดเก็บที่แตกต่างกันเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้งานและข้อกำหนดทางกฎหมาย ดังนี้

  • รายงานการประชุมผู้ถือหุ้น: สำหรับบริษัทจำกัด กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน แต่ควรเก็บไว้ตลอดอายุของบริษัท
  • เอกสารประกอบการประชุมทั้งหมด: ควรเก็บรักษาอย่างน้อย 5 ปี
  • กรณีมีข้อพิพาทหรือการตรวจสอบ: อาจต้องเก็บนานกว่านั้นตามความจำเป็น

ความสำคัญของการเก็บรักษาเอกสาร

การเก็บรักษาเอกสารการประชุมผู้ถือหุ้นให้ครบถ้วนและปลอดภัยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะเป็นหลักฐานทางกฎหมายที่แสดงถึงการตัดสินใจสำคัญของบริษัท และสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นอีกด้วย มาดูกันว่าทำไมเอกสารเหล่านี้จึงมีความสำคัญและต้องเก็บรักษาอย่างดี

    1. เป็นหลักฐานสำคัญทางกฎหมายในการยืนยันการตัดสินใจของที่ประชุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการบริหารงานของบริษัท และสามารถใช้เป็นหลักฐานป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
    2. มีประโยชน์อย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากบริษัทสามารถใช้อ้างอิงมติสำคัญในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงใช้ตรวจสอบประวัติการตัดสินใจ และนำข้อมูลมาประกอบการวางแผนธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    3. สะท้อนถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น รักษาสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่บริษัทมีต่อผู้ถือหุ้นในการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล

สรุป

การจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่การจัดทำหนังสือเชิญประชุมที่ครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมาย มีการจัดส่งให้ทันกำหนดเวลา และดำเนินการประชุมอย่างโปร่งใส โดยคำนึงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกราย


สำหรับบริษัทจำกัด แม้จะมีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ไม่ซับซ้อนเท่าบริษัทมหาชน แต่การปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี จะช่วยให้บริษัทมีการบริหารจัดการที่โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว


ทั้งนี้ เอกสารการประชุมต้องได้รับการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ เพราะไม่เพียงเป็นหลักฐานสำคัญทางกฎหมาย แต่ยังสะท้อนถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง

  • การเขียนวาระการประชุม
  • ตัวอย่างวาระการประชุม
  • ประชุมผู้ถือหุ้น
  • หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น
  • รายงานการประชุมผู้ถือหุ้น